ตำนานผู้อัญเชิญปีศาจ ชื่อเกมเรียกรีมาสแต่ตัวเกมระดับรีเมค
ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนว่าผู้รีวิวไม่ได้เป็นแฟนหรือมีความชื่นชอบเป็นพิเศษกับซีรีส์ Devil Summoner หรือ Soul Hackers ใดๆ ถึงแม้บนบน 3DS จะเคยเล่น Shin Megami Tensei 4 แต่ก็ยังเข้าไม่ถึง จนกระทั่งได้เล่น Persona 5R และได้เล่น Shin Megami Tensei 5 บน Switch ถึงได้เข้าใจโลกของเกม เข้าใจระบบ และโครงสร้างของซีรี่ส์และจักรวาลนี้ ทำให้สามารถเล่นและเข้าถึงตัวเกม Raidou ในเวอร์ชั่นของแฟนหน้าใหม่ที่ถึงแม้จะรู้จักตัวเกมเวอร์ชั่นต้นฉบับ(แบบผิวเผิน)แต่ก็สามารถเล่นเวอร์ชั่นใหม่ได้
ตัวเกมต้นฉบับในชื่อ Devil Summoner: Raidou Kuzunoha vs. the Soulless Army บน PS2 เท่าที่ทำการบ้านมาก่อนที่จะทำการเล่นตัวเวอร์ชั่นใหม่นี้ บอกตามตรง มันดูเป็นเกมที่ดูซับซ้อน แต่ก็ดูมีสเน่ห์ตามสไตล์ของเกมค่ายนี้ มีในด้านของการอัญเชิญปีศาจมีช่วยสู้สไตล์ Shin Megami Tensei แบบเก่า แต่ก็เปลี่ยนฉากตอนสู้ให้เป็น Action ต่อคอมโบ โดยเราจะรับบทเป็น Raidou Kuzunoha XIV ผู้อัญเชิญปีศาจแห่งองค์กร Yatagarasu ในปีไทโช 20 และร่วมทำงานร่วมกับนักสืบ (และ Gouto แมวดำพูดได้) เพื่อตามสืบเรื่องเหนือธรรมชาติในจุดต่างๆ ของเมืองในสมัยนั้น โดยเราจะได้สลับไปมาระหว่างโลกมนุษย์และโลกปีศาจ และใช้พลังปีศาจแทรกแซงความคิดของผู้คนเพื่อสืบหาข้อมูลได้
ในส่วนของเนื้อเรื่องจะแบ่งเป็น Chapter ซึ่งก็เหมือนจะให้มันจบเป็น Case ไป ทำให้ขาดส่วนของความเชื่อมโยงในด้านเนื้อเรื่องพอประมาณ จากเรื่องราวที่ดูเรียบง่าย ก็เริ่มซับซ้อน บานปลาย และกลายเป็นชนวนสู่เรื่องราวที่วุ่นวายมากๆ ได้ ซึ่งในทำให้ในช่วงครึ่งหลังของเกมมีจุดที่น่าติดตามมากกว่าช่วงครึ่งแรก ที่ดูเนิบๆ เหมือนเล่นไปเรื่อยๆ มองไม่เห็นจุดหมายอื่นๆ ในด้านเนื้อเรื่องซักเท่าไหร่
จากข้อมูลที่ทาง Official ประกาศมา และจากการเปรียบเทียบของเวอร์ชั่นเดิม ถึงแม้ตัวเกมจะใช้ชื่อว่า Raidou Remastered แต่ตัวเกมออกไปในทาง Remake ทำใหม่ซะมากกว่า ทั้งทำกราฟิกใหม่หมด มีเสียงพากย์ใหม่ มีการยกเครื่องระบบการต่อสู้แบบใหม่ มีการปรับปรุง QoLใหม่ ปรับปรุงด้านการผสมปีศาจให้สะดวก มีการเลือกสกิลหลังผสมแบบในตัวเกมยุคหลังๆ มีระบบ Fast Travel มีให้ Quick Save ได้ตลอดเวลา และอื่นๆ ที่ทำให้ตัวเกมสะดวกสบาย มีเมนูอำนวยความสะดวกเยอะจนเหมือนเล่นเกมในยุคปัจจุบัน ไม่ได้เล่นเกมเก่าที่จะมีความอึดอัดหลายๆ ด้าน ซึ่งตรงจุดนี้เป็นด้านที่ทำออกมาได้ดีมากๆ
ตัวเกมเวอร์ชั่นนี้ยังมีการเพิ่ม dialog ทั้งหลักและรอง เพื่อขยายเนื้อหา บทพูด และโครงเรื่องหลักในหลายๆ ส่วน ทำให้เรื่องราวถึงแม้จะยัง Deep และมีชั้นเชิงในการเล่าอยู่ แต่ทำให้ผู้เล่นเข้าถึงและเข้าใจ Lore ของเรื่องได้ดียิ่งขึ้นมาก
นอกจากนี้ในเวอร์ชันต้นฉบับบน PS2 ฉากต่างๆ จะถ่ายทอดออกมาด้วยฉาก prerendered ซึ่งจะเป็นการเล่นแบบยุคเก่าที่น่าอึดอัดมาก แต่พอมาเล่นของเวอร์ชั่นใหม่นี้ ฉากกลายเป็น 3D Polygon เต็มรูปแบบแล้ว มีการขยับและแพนกล้องไปยังจุดต่างๆ แต่ด้วยความที่ยังอยากให้ผู้เล่นสัมผัสประสบการณ์คลาสสิคหรือยังไงก็ไม่แน่ใจ เลยไม่ได้ให้ผู้เล่นสามารถหมุนมุมกล้องดูจุดต่างๆ ได้อิสระ หรือเปลี่ยนมุมกล้องเป็นด้านหลังตัวละครก็ทำไม่ได้ ทำให้ถึงแม้ฉากจะเป็น 3D แต่ยังล็อคมุมมองอยู่ เลยทำให้ต้องปรับตัวเยอะมากกว่าจะเล่นแล้วเข้าใจทิศทางของแผนที่และการเดินการเลี้ยวไปจุดต่างๆ
อีกอย่างหนึ่งที่เปลี่ยนไปและชอบมากๆ ก็คือการเข้าฉากต่อสู้จะไม่ใช้ random encounter แล้ว แต่จะเห็นปีศาจเดินวนไปมาตามพื้นที่ต่างๆ เลย และทำให้เราวางแผนในการเข้าต่อสู้ และค้นหาปีศาจที่เราต้องการจะเชิญมาเข้าร่วมใน Party ได้สะดวกขึ้นมาก และเพิ่มการอัญเชิญปีศาจในการต่อสู้จาก 1 ตัว กลายเป็น 2 ตัว ทำให้การต่อสู้สนุกขึ้นมาก โดยระบบต่อสู้ก็ถูกยกเครื่องใหม่ โดยให้เราได้กดปุ่มผสมคอมโบ มีโจมตีเบา-หนัก ผสมกับการใช้เวทย์ เพื่อทำให้ศัตรูสตั๊น หรือสลายเกราะของศัตรู
นอกจากนี้ยังใช้ปีศาจใน Party ในการช่วยต่อสู้ได้ ซึ่งปีศาจก็จะมีเรื่องของการแพ้ทาง ทำให้เราต้องเลือกใช้แต่ละตัวให้ดีในแต่ละ Battle แต่เราสามารถสลับเปลี่ยนได้ตลอดเวลาในตอนต่อสู้ โดยปีศาจจะมีการใช้สกิลต่างๆ ตามค่าสถานะของพวกมัน แต่มันจะใช้เกจพลัง MAG เดียวกันกับเรา ดังนั้นเราจะต้องบริหารเกจนี้ให้ดี โดยจะใช้การโจมตีเบาเพื่อฟื้นฟูเกจ หรือจะใช้ไอเท็มเติมพลังก็ได้ หรือถ้าทำ Perfect Dodge ได้ ก็จะได้การฟื้นฟูเกจเช่นกัน ทำให้ในการต่อสู้ค่อนข้างมีมิติ เข้มข้น กดกันมันส์ แต่ไม่ใช่ว่าสักแต่สแปมปุ่มก็ชนะได้ จะต้องคิด และวางแผนให้ดีด้วยเหมือนกัน และเรายังสามารถกระโดด แดชหลบ และอื่นๆ ทำให้กลายระบบ combat ของเกมนี้ทำให้ตัวเกกลายเป็น Action RPG ที่สนุก
ปีศาจต่างๆ นอกจากจะใช้เรียกมาช่วยสู้ได้แล้ว ยังสามารถใช้ในการช่วยสืบคดีได้อีกด้วย โดยเราสามารถส่งปีศาจออกไปค้นหาของ สำรวจมอนสเตอร์ สำรวจแผนที่ หรือส่งให้ไปสำรวจในพื้นที่ที่เราไม่สามารถเข้าถึงได้ ซึ่งจุดนี้เป็นอีกหนึ่งความสนุกของเกมนี้เลย
ตัวเกมมีการชี้จุดเป้าหมายปลายทางที่เราจะต้องไปตลอดเวลาไม่ต้องกลัวหลง และสามารถย้อนไปจุดต่างๆ ที่เราเคยไปแล้วได้อย่างสะดวกสบาย (ซึ่งก็จะมีค่าเดินทางหากพื้นที่นั้นจะต้องขึ้นรถไฟไป) เนื่องด้วยตัวเกมมีระบบ Side Quest ทำให้เราสามารถไปตามเก็บ Quest ย้อนหลัง หรือไปในพื้นที่ที่เราเคยไปแล้วเพื่อตามชวนปีศาจที่เรายังไม่มีมาเข้า Party ก็ได้ นอกจากนี้ยังมีระบบอื่นๆ เช่นการตีอาวุธและสวมใส่ Passive Skill เพิ่มเติม มีระบบ loyalty ของปีศาจที่เปรียบได้กับค่าสนิทของปีศาจตัวที่เราใช้บ่อย ทำให้เสริมระบบของตัวเกมให้ดูหลากหลายขึ้น
ในแง่ของด้านความรู้สึกและความเพลิดเพลินของการเล่นตั้งแต่ต้นจนจบใช้เวลาประมาณ 40 ชั่วโมง (ความยาก Normal) ซึ่งรวมทั้งการไล่ชวนปีศาจ การผสมปีศาจต่างๆ วิ่งทำ Side Quest (และหลง) เอาตรงๆ ช่วงเวลาที่เล่นไปโดยรวมๆ ถือว่าเกมทำออกมาดี มี Qol สะดวกสบาย ช่วงเล่นเพลินๆ ก็มี ช่วงที่ตึงมือก็เยอะ โดยเฉพาะช่วงที่ต้องสู้กับบอสต่างๆ ซึ่งก็ออกมาถี่ใช้ได้อยู่ แต่ Pace ของเกมโดยเฉพาะในช่วงครึ่งแรกของเกมค่อนข้างเนิบนาบ เดินเรื่องช้า และดูไม่ค่อยประติดประต่อ ทำให้ต้องเว้นเนื้อเรื่องไปเข้า Battle เพื่อแก้เลี่ยนบ้าง แต่ส่วนของ Battle พอจับทางได้ หรือเราเริ่ม Over Level ก็เริ่มกลายเป็น filler ถ้าไม่ได้สู้กับเหล่าบอสต่างๆ รวมถึงระบบอัพเกรดตัวละครและปีศาจก็เริ่มไปในทางอัดให้มันตีแรงในสายของมัน พอเข้าต่อสู้ก็เลือกตัวที่ชนะธาตุมาเข้าสู้ แล้วเราคอยเติม MAG อย่าให้ขาด ก็จะจบ Battle ได้ไว ทำให้รู้สึกเหมือนขาดความท้าทายพอประมาณ
แต่พอเลยครึ่งหลักของเกมไปแล้ว เนื้อเรื่องเริ่มเปิดเผยปม เริ่มใส่เหตุการณ์ที่เชื่อมโยงกัน และมี Pace ที่น่าคึกคักชวนให้เล่นต่อ รวมถึงปีศาจต่างๆ ที่ปรากฎมาเริ่มโหด เริ่มมีลูกเล่น และไม่ได้จะจัดการลงได้ง่ายๆ ก็ทำให้ตัวเกมกลับมาสนุกขึ้น เล่นได้ต่อเนื่องขึ้น และดึงผู้เล่นให้ยังสามารถอยู่กับตัวเกมได้ไปตลอดจนจบ
สรุป: ตัวเกมเป็นงานระดับ Remake ที่อัดแน่นไปด้วย QoL ที่สะดวกสบายตามยุคสมัย และปรับเพิ่มใส่คอนเทนต์ใหม่ไปมหาศาล แต่ว่าด้วยที่มีในการเจตนาใส่ Element งานภาพ บรรยากาศเกมและสไตล์ต่างๆ รวมถึงโครงสร้างเกมหลายส่วน ให้ยังดูคล้ายคลึงกันกับตัวเกมเวอร์ชั่นเก่าต้นฉบับ ทำให้ตัวเกมดูเหมือนยังโดนรั้งเอาไว้ด้วยอะไรหลายๆ อย่างที่ผิดยุคสมัย ทำให้แฟนๆ เกมยุคเดิมน่าจะถูกใจ แต่แฟนๆ ยุคใหม่จะต้องปรับตัวกันค่อนข้างมาก เรียกได้ว่ามีทั้งจุดอ่อนและจุดแข็งแค่ต่างกันคนละแง่เท่านั้นเอง แต่ถ้าสามารถเปิดใจได้ และอยากเล่น Action RPG ซักเกมนึง เกมนี้ก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีครับ
คะแนน: 7.5/10
Reviewer: #rookii
Review Version: Nintendo Switch 2*
*ตัวเกมมีลง Switch 1 ด้วย (แต่ไม่สามารถอัพเกรดมาเวอร์ชั่น Switch 2 ได้)
//ขอขอบคุณ Atlus SEA ที่ส่งเกมมาให้เราได้รีวิวกันด้วยครับ
- - - - - - - - - -
#LOVENINReview #NintendoSwitch2 #RAIDOU #ATLUS #SEGA