รีวิวปล่อยของหลังเพิ่งจบ Donkey Kong Bananza

เพิ่งจบมาสดๆ ร้อนๆ เลยต้องขอมาปลดปล่อยความอัดอั้นที่ล้นพ้นนี้ซักหน่อย ซึ่งใช้เวลาเล่นตั้งแต่ต้นจนจบราวๆ ประมาณ 20 ชั่วโมง แบบไม่ได้ใกล้เคียงคำว่าพรุนเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้ระหว่างทางจะแวะเก็บของ ทำชาเลนจ์ ทุบฉาก ถล่มภูเขา เจาะรูจนลึกสุดเท่าที่เกมจะให้ไปได้ เก็บทองแบบล้นๆ ก็ตาม

ตัวเกมในตอนแรกกังขาเอาไว้ 2 เรื่องคือด้านเนื้อเรื่องและความง่าย ซึ่งด้านความง่ายนี่น่ากลัวมาก เพราะช่วงครึ่งแรกของเกมคือง่ายมากๆๆๆๆ ถ้าไม่นับที่เราจะแวะซนไปทั่ว ก็แปบเดียวสามารถไป World ใหม่ได้แบบไม่นาน จนเริ่มใจไม่ค่อยดีเท่าไหร่แล้ว แต่พอหลุดจากครึ่งแรกไป โห ยังกะคนละเกม ออกแบบทั้งฉาก ทั้งศัตรู และด่านชาเลนจ์ต่างๆ ที่เปลี่ยนตัวเกมให้ท้าทายจนตายหลายรอบ หมดทองไปหลายพันเลยทีเดียว (ไม่นับที่ตายโง่ๆ ด้วยตัวเองนะ 55) ซึ่งพอเล่นจนจบต้องตบเข่าฉาดเลยว่า เออ มันต้องแบบนี้สิวะ

ส่วนเนื้อเรื่อง ก็คล้ายๆ กันเลยกับเรื่องของความยาก แต่ว่าจะต่างกันตรงที่ช่วงแรกเปิดมาดีมากๆ แล้วพอเฉลยนั่นนี่แล้ว ก็เนิบยาวเลย เนื้อเรื่องหลักแทบไม่เดิน ทุกอย่างเป็นแพตเทิร์นไปหมด จนถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของเกมหลังปลดระบบอะไรต่อมิอะไรครบหมดแล้ว เกมประเคนใส่ให้ได้เสพกันยับๆ เลยครับ ทั้งสนุก ตื่นเต้น มันส์สะใจ น่ารัก ซาบซึ้งทัชใจ แต่ต้องย้ำว่าตามสไตล์ปู่นะ โดยกับเกมตระกูลนี้ การมีเนื้อเรื่องให้ยึดเหนี่ยวได้ขนาดนี้ ถือว่าดีมากๆๆๆๆๆๆ แล้วบอกเลยนะมันผสานเข้าเกมเพลย์ได้แบบเข้มข้นมาก แบบสะใจแล้วแล้ว สะใจอีก แล้วยังจะทวีคุณไปอีก จนแบบเห้ยยังไปได้อีกเว้ยเห้ย!

ทั้งหมดผสมโดยรวมกับระบบทำลายล้างและความคลั่งของ Donkey Kong ผสมความน่ารักของ Pauline คือโดยรวมๆ ทำให้เกิดความสงสัยว่า ทีมงานทำได้ไงวะกับเกมระดับนี้ แต่มีไฟล์ไซส์แค่ 8GB+ เท่านั้น? แถมหลายๆ อย่างที่ใส่มาในเกมนี่ถ้าบอกว่า DK บ้าพลังแล้ว ปู่และทีมงานคือบ้าพลังกว่ามากๆๆๆ ใส่ไอเดียเข้าไปแบบอย่างล้นจนคนเล่นต้องอุทานว่า “สะใจ ชห” อยู่บ่อยๆ 

ถึงแม้จะยังไม่พรุน แต่ตอนนี้ให้คะแนนได้เลยว่า 10/10 ไร้ข้อกังขา ไร้ที่ติ 

ไอเดียล้ำ ความมันส์เต็มอิ่ม เกมเพลย์สดใหม่ นี่คือเกมที่ใช่ คือเกมที่รอบน Switch 2 อย่างแท้จริง และให้เป็น Game of the Year 2025 ล่วงหน้าสำหรับ LOVENIN อย่างเต็มภาคภูมิ